BYD ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าของโลก
การเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของค่ายรถจีนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการผลิตและยอดขายที่แซงหน้ารายใหญ่ในสหรัฐฯ เกาหลีใต้ เยอรมัน รวมถึงญี่ปุ่น ในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์ส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของโลกตลอดกาล
และเรียกว่าเป็นข่าวดีของชาว BYD ต้อนรับปีใหม่ก็คงไม่ผิดนัก เพราะ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ทำยอดขายในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 แซงหน้า Tesla ของสหรัฐอเมริกา เตรียมเดินหน้าเต็มสูบลุยตลาดยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้า BYD มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 525,409 คัน เทียบกับ Tesla ที่มียอดจำหน่าย 484,507 คัน ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ส่งผลให้แบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีนกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลกในช่วงเวลาดังกล่าว
ยอดจำหน่ายตลอดทั้งปี 2566 พบว่า Tesla มียอดจำหน่ายสะสมอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน เทียบกับ รถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่มียอดจำหน่ายตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1.57 ล้านคัน คิดเป็นส่วนต่างอยู่ที่ 2.3 แสนคัน แต่ส่วนต่างดังกล่าวก็กำลังแคบลงเรื่อยๆ เนื่องจาก Tesla เคยทิ้งห่างยอดขายของ BYD อยู่ราว 4 แสนคันในปี 2565 ที่ผ่านมา
การขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของรถยนต์ไฟฟ้า BYD ยังถือเป็นครั้งแรกที่บัลลังก์แชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ถูกโค่นล้มลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Tesla เคยขึ้นแซงนิสสันเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของโลกช่วงราวปี 2558 – 2559 หรือกว่า 9 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนมีการแข่งขันอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทรถยนต์หลายแห่งรวมถึง Tesla และ BYD ต่างก็ใช้กลยุทธ์ปรับลดราคาจำหน่าย เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด จึงทำให้ผลกำไรในภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนลดลงเหลือ 5% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 เทียบกับตัวเลข 5.7% ในปี 2565 และ 6.1% ในปี 2564
ขณะที่ BYD ก็เตรียมเดินหน้าลุยตลาดนอกอาณาเขตจีนอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นที่ยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยก่อนหน้านี้ BYD ได้ออกแถลงที่งาน IAA Mobility ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วว่า บริษัท มีแผนขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ได้มากกว่า 2 เท่าของที่มีอยู่ พร้อมทั้งตั้งเป้ายอดจำหน่ายนอกประเทศจีนไว้ที่ 230,000 คัน ในปี 2566 เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีตัวเลขเพียง 56,000 คัน
ทั้งหมดนี้ พิสูจน์ได้แล้วว่าจีนกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการเปลี่ยนผ่านสู่ยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งได้แรงหนุนหลักมาจากรัฐบาล ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการอุดหนุนทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งเป้าหมายใหญ่ว่า รถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายต่อปีในจีนภายในปี 2568 ควรเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) อย่างน้อย 20% ซึ่งรวมถึง BEV รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และ ภายในปี 2578 รถยนต์ NEV จะกลายเป็นรถที่ทุกบ้านใช้งานทั่วไป
ทั้งนี้ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนพุ่งสูงถึง 8.3 ล้านคัน คิดเป็นมากกว่า 30% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ทำให้เป้าหมายการเพิ่มรถยนต์ NEV เดิมของรัฐบาลที่ 50% ภายในปี 2578 มีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายภายในปี 2568 หรือ 2569 อย่างช้าที่สุด
สำหรับปี 2567 นี้คาดว่าจะเป็นปีทองของ EV จีนแบบไม่พลิกโผ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมี รถยนต์ไฟฟ้า BYD อยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน!
มารันวงการ รถยนต์ไฟฟ้า BYD ไปด้วยกัน! เลือกที่ใช่ ในสไตล์ที่คุณชอบ
มาเป็นครอบครัว BYD ด้วยกัน สามารถเข้าชมรถจริง และ Test Drive ได้ทุกวัน ได้ที่โชว์รูม BYD Metromobile ทั้ง 2 สาขาพระราม 3 และ สาขาตลิ่งชัน
เพียงลงทะเบียนนัดหมายที่ >> https://bydmetromobile.com/form-test-drive/
ขอบคุณข้อมูลจาก :
BYD BYD รถยนต์ไฟฟ้า BYD2024 ev car บีวายดี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า รถไฟฟ้า ev