“รถยนต์ไฟฟ้า” เปลี่ยนโลก อดีตถึงปัจจุบัน และอนาคต
บทความหนึ่งเมื่อ 7 ปีก่อน เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่จะมาเขย่าโลกใบนี้
บทความหนึ่งจากนักเขียนชื่อดัง “ หนุ่มเมืองจันท์ ” ที่เขียนขึ้นตั้งแต่ 14 กันยายน 2559 หรือกว่า 7 ปีก่อน เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่จะมาเขย่าโลกใบนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างมาก พวกเรา BYD Metromobile จึงขอนำบทความมาให้อ่านกันครับ
เรื่องสุดท้ายที่ผมคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกภายในเวลา 5 ปีนับจากนี้คือ รถยนต์ไฟฟ้า เวลาพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าทุกคนจะนึกถึงเทสลาที่จุดประกายความสนใจเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาในโลก รถบ้าอะไรทั้งสวยทั้งเงียบทั้งเร็ว เร็วกว่าเฟอร์รารี่อีก ที่สำคัญก็คือรักษาสิ่งแวดล้อม เทสลา โมเดล 3 ที่เปิดให้จองเมื่อปี 2559 สามารถทำยอดจองสูงถึง 4 แสนคัน ค่าจองคันละ 1,000 เหรียญ 4 แสนคัน เป็นเงินประมาณ 14,000 ล้านบาท เทสลา ได้เงิน 14,000 ล้านบาทมาเข้ากระเป๋าก่อน ทั้งที่ยังไม่ได้ผลิตรถรุ่นนี้ออกมาสักคันเดียว
นี่คือมูลค่าของความเชื่อมั่นครับ ปรากฏการณ์เทสลาได้จุดประกายให้คนหันมาสนใจ รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งที่ปริมาณรถเทสลาที่ออกสู่ตลาดนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับยอดขายของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทุกยี่ห้อ ในเชิงธุรกิจเทสลาก็แค่มด แต่ยักษ์ใหญ่รถยนต์ทั้งหลายเหมือนกับยักษ์ เทียบกันไม่ได้เลย
แต่ทำไม.. รถยนต์ไฟฟ้าจึงได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงนี้ ถ้ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถแจ้งเกิดได้สำเร็จ โลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมรถยนต์ ผมมองว่า ปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงโลกมาจากเหตุผล 5 ประการ ในบทความนี้
ประการแรก แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าถูกลง
แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า เปรียบเสมือนถังน้ำมันของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ในอดีตแบตเตอรี่จุไฟได้น้อย และราคาสูงมาก แต่วันนี้แบตเตอรี่พัฒนาจนสามารถจุไฟฟ้าให้รถยนต์วิ่งได้ 300 กว่ากิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และราคาต่ำลงมาเรื่อยๆเฉลี่ยปีละ 13% มีการคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีจะลงมาที่ 300 ดอลลาร์ต่อหน่วยไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาปานกลางได้
แต่ที่ผมรู้จากคนในวงการเขาบอกว่าราคานี้ ตอนนี้ก็ผลิตได้แล้ว หมายความว่าราคาแบตเตอรี่จะต่ำลงกว่านี้อีกในอีก 3 ปี ในเชิงธุรกิจเมื่อต้นทุนต่ำลงโอกาสก็มากขึ้น การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นในทางธุรกิจ
ประการที่ 2 จีนเอาจริงเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า
มีคนบอกว่า จีนอยากกระโดดเข้าสูjอุตสาหกรรมรถยนต์มานานแล้ วแต่ถ้าแข่งขันในเกมส์เดิมคือ รถยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมัน จีนจะต้องเริ่มนับ 1 แต่ญี่ปุ่น เยอรมนี ไปถึง 100 แล้ว แข่งอย่างไรก็สู้ไม่ได้
แต่ถ้าเป็น รถยนต์ไฟฟ้า ทุกคนเริ่มนับ 1 เท่ากันหมด ผมนึกถึง “บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” วันที่เขาคิดจะเรียนต่อ ถ้าเล่นในเกมส์เดิมคือ เรียนต่อตามระบบทั่วไป เขาก็ต้องเริ่มนับ 1 แต่คนอื่นไปไกลแล้ว “บุณยสิทธิ์” เลือกที่จะเรียนรู้เรื่อง “คอมพิวเตอร์” ในวันที่คอมพิวเตอร์เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยทุกคนนับ 1 เรื่องคอมพิวเตอร์เท่ากันหมด ไม่มีใครเก่งกว่าใคร วันนี้คุณบุณยสิทธิ์จึงเป็นคนอายุ 79 ที่เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์
การกระโดดเข้ามาแบบเอาจริงเอาจังของจีน จะทำให้ รถยนต์ไฟฟ้าเกิดอิโคโนมี ออฟ สเกล เพราะสามารถผลิตรถยนต์จำนวนมากๆได้ในต้นทุนที่ต่ำ บริษัททั่วไปใช้ห้องทดลอง สำหรับสินค้าใหม่ แต่ห้องทดลองของจีนมีขนาดเป็นเมืองครับ นึกถึงรถไฟความเร็วสูงที่จีนเอาจริงสิครับ
กระพริบตาทีเดียว กลายเป็นประเทศที่มีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงยาวที่สุดในโลก 19,000 กิโลเมตร หรือ 60% ของทั้งโลก เชื่อไหมครับว่าจีนใช้เวลาเพียง 9 ปีเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าจีนเอาจริงเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอัตราเร่งของธุรกิจนี้จะเร็วและแรงขึ้นทันที
ประการที่ 3 เทสลาไม่ใช่รถยนต์แต่เป็นคอมพิวเตอร์หรูที่มีล้อ
อิลอน มัสต์ ซีอีโอของเทสลาเคยบอกว่า เทสลาไม่ใช่รถยนต์แต่เป็นคอมพิวเตอร์หรูที่มีล้อ ไม่ใช่การเล่นสำนวนที่คมคาย แต่เป็นการบอกถึงกรอบความคิดใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม และนั่นหมายความว่า ต่อไปโลกของรถยนต์จะไม่ได้เป็นของค่ายรถยนต์ในอดีต การข้ามสายพันธุ์ธุรกิจแบบที่เรานึกไม่ถึงจะเกิดขึ้นธุรกิจที่มีิเงินทุน และเทคโนโลยี่อย่างไมโครซอฟท์กูเกิล หรือแอปเปิ้ล จะข้ามสายพันธุ์ไปหาโตโยต้า เบนซ์ บีเอ็ม ฯลฯ
เราจะได้ยินชื่อค่ายรถยนต์ใหม่ในเกมใหม่เกม “ไอแพดติดล้อ” ครับ รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นน่านน้ำสีแดงเพราะจะเกิดรายใหม่กระโดดเข้ามา และค่ายรถยนต์เก่าจะต้องปรับตัวครั้งใหญ่
เชื่อเถอะครับ ทุกค่ายจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาสู้อย่างแน่นอน ไม่มีใครอยากเป็นโกดักของวงการรถยนต์หรอกครับ ตามหลักการตลาด การแข่งขันทำให้ตลาดโตถ้ารายใหม่ – รายเก่า ลงสนามเมื่อไร รถยนต์ไฟฟ้า จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดทันที
ประการที่ 4 ภาวะโลกร้อน
เรื่อง “โลกร้อน” ที่มีการพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน วันนี้ทุกประเทศเริ่มวิตกกังวลอย่างจริงจัง และคิดหาทางลดการปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์ ลงแนวทางหนึ่งก็คือการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน “นอร์เวย์” ประกาศแล้วว่าจะเลิกจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในปี 2025 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า “เยอรมนี” ให้เงินอุดหนุนสำหรับคนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 4,000 ยูโร และในปี 2030 รถยนต์ใหม่ต้องไม่ปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
ผมเชื่อว่ากระแสแบบนี้จะขยายออกไปทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป ที่กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแรงจะเริ่มต้นก่อนใคร ปัญหาเรื่อง”โลกร้อน” จะทำให้การเติบโตของ “รถยนต์ไฟฟ้า” มีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลประเทศต่างๆ
ประการที่ 5 จิตวิทยาการตลาด
ต่อไปนี้ “รถยนต์ไฟฟ้า” จะเป็นสินค้าที่ทันสมัยใครๆก็อยากได้เหมือนที่คนอยากได้สัมผัสรถเทสลาในวันนี้ พอมีข่าวว่ามีคนเห็นรถเทสลาวิ่งในเมืองไทยก็ฮือฮา กระแสแบบนี้เวลาจุดติดแล้วจะขยายวงอย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าแบตเตอรี่เริ่มถูกลงเรื่อยๆ เราก็จะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาจับต้องได้ โดยเฉพาะเมื่อจีนลงมาเล่นในสนามนี้ ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะลดลงเรื่อยๆ รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นสินค้าที่มีผลด้านจิตวิทยาการตลาดสูง เป็นสินค้าที่ใช้แล้วดูเท่ ทันสมัย เหมือนกับ”ไอโฟน”ตอนที่ออกมาใหม่ๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วจะเป็น”คนดี”
รักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อม เท่ 2 เด้ง
ดังนั้น ถ้าราคารถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เอื้อมถึงเมื่อไร คนจะใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทันที นึกถึงตอนที่ “ไอโฟน” เกิดขึ้นในโลกใบนี้สิครับ 9 มกราคม 2550 ถ้าบอกว่าวันนั้นคือจุดเริ่มต้นของ”สมาร์ทโฟน”ที่ทำให้คนทั้งโลกอยากได้มาเป็นเจ้าของ เพียงแค่ 5 ปีต่อมา “สมาร์ทโฟน”ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด ครองตลาดโทรศัพท์มือถือเกือบครึ่งหนึ่งอะไรที่จุดติดในโลกยุคใหม่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างที่คนคาดไม่ถึง เหมือนที่มีคนบอกว่าการเกิดขึ้นของ “สิ่งใหม่” ในโลกธุรกิจวันนี้ จะไม่ใช่แค่กินส่วนแบ่งการตลาดของ “สิ่งเก่า” แต่เขาเกิดมาเพื่อ “ทำลาย” เหมือนกล้องดิจิตอลกับฟิล์ม กล้องดิจิตอลไม่ได้แย่งตลาดฟิล์ม แต่ทำลายตลาดฟิล์มสิ่งหนึ่งเกิดอีกสิ่งหนึ่งดับ
(เรื่องนี้เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2559)
ไปเลือกชม และทดลองขับ BYD SEAL กันได้ที่ BYD Metromobile สาขาพระราม 3 และสาขาตลิ่งชัน
เพียงลงทะเบียนนัดหมายที่ >> https://bydmetromobile.com/form-test-drive/
BYD BYD SEAL ev car บีวายดี บีวายดี ซีล รถยนต์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า ev