Carbon foot print กับ EV Car เหตุผลที่ว่า ทำไมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจึงสำคัญ
“ Carbon foot print ” หรือ “รอยเท้าคาร์บอน” หมายถึง ปริมาณรวมของก๊าซเรือนกระจก โดยส่วนใหญ่เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซอื่นๆ เช่น เมทเทน (CH4) และไนโตรสออกไซด์ (N2O) ที่ถูกปล่อยออกมาโดยตรง หรือโดยอ้อมจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ กิจกรรมเหล่านี้รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตเป็นพลังงาน เพื่อใช้ในการขนส่ง การผลิต และกระบวนการอื่น ๆ ซึ่งจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
ในปัจจุบัน แนวคิดเกี่ยวกับ “ Carbon foot print ” หรือ “รอยเท้าคาร์บอน” ถูกใช้เพื่อเป็นตัวชี้วัด บุคคล องค์กร ผลิตภัณฑ์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากมนุษย์ โดยเริ่มต้นตั้งแต่จากการใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ สำหรับพลังงาน ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เข้าสู่บรรยากาศ
โดยใช้หน่วยความเปรียบเทียบที่เท่าเดิมกันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บ่งชี้ค่ามูลค่าทางสิ่งแวดล้อมของก๊าซเรือนกระจกต่างๆ โดยพวกเขาจะเรียกว่า CO2e ซึ่งช่วยให้สามารถเปรียบเทียบก๊าซเรือนกระจกต่างๆ กันได้โดยใช้ความสามารถในการสร้างพลังงานสูงสุด
ซึ่ง Carbon foot print ที่ใหญ่กว่า ก็ย่อมแสดงถึงการมีส่วนร่วมมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เสื่อมโทรม และในทางกลับกัน การลดรอยเท้าคาร์บอน ก็ย่อมเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านหลากหลายวิธี เช่น การใช้วิธีการประหยัดพลังงาน การใช้แหล่งพลังงานทดแทน และทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เฉกเฉ่น “EV Car” หรือ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ที่ผู้คนทั่วทั้งโลกต่างตื่นตัวและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการขับขี่ เดินทางและขนส่ง เป็นกิจกรรมหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยตลอด และเป็นปัจจัยส่วนมาก ที่ทำให้เกิด Carbon foot print จึงเป็นที่มาของการร่วมรณรงค์การใช้ EV Car หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า กันมากขึ้นในระยะ 4-5 ปีมานี้ และแน่ใจได้ว่า จะเกิดขึ้นต่อๆไป ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง จนสามารถเรียกได้ว่า รถยนต์ทุกคันบนท้องถนน จะเป็น “EV Car” หรือ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะกับองค์กรธุรกิจชั้นนำที่ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งจะมีผลเป็นอย่างยิ่งต่อๆไป ในอนาคต เกี่ยวกับการทำธุรกิจร่วมกับองค์กรอื่นๆ หากองค์กรใด ไร้ซึ่งนโยบายการจัดการ Carbon foot print ที่ดี องค์กรนั้นย่อมถูกกีดกันทางการค้า ในฐานะผู้ไม่รับผิดชอบต่อสังคมโลก ส่งผลให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ กระทบต่อกันเป็นทอดๆไป ถึงองค์กรเล็กๆ โดยภาพรวม จึงเป็นที่มาของการร่วมรณรงค์กันใช้ “EV Car” หรือ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” นั่นเอง
1. การออกแบบภายนอกของ BYD ATTO3 ที่ล้ำสมัย แตกต่างอย่างโดดเด่น ขนาดที่กะทัดรัด เหมาะกับครอบครัวขยาย หรือนักเดินทางที่ต้องการรถที่บรรทุกสัมภาระได้มาก พร้อมลุยไปได้ในทุกสถานการณ์
2. ระบบพลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย สำหรับ BYD ATTO3 ที่เน้นในประสิทธิภาพและความสามารถในเรื่องของประหยัดพลังงาน และประสิทธิภาพในการขับขี่ ความเร็วในการเร่ง ระยะทางการขับขี่ที่ได้จากแบตเตอรี่ และเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ด้วย BLADE BATTERY นวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ให้ความปลอดภัยสูงสุด มั่นใจได้ทุกการขับขี่
3. นวัตกรรมด้วย e-Platform 3.0 แพลตฟอร์มแห่งอนาคตที่ยกระดับการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปอีกขั้น ทั้งอัตราเร่ง ระยะทางการขับขี่ ความเร็วในการชาร์จ เกาะถนนเป็นเยี่ยม ตลอดจนความนุ่มนวลในทุกการขับขี่ ทำให้ BYD ATTO3 เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองเป็นพิเศษ
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อรักษาให้คนรุ่นหลังมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
BYD ATTO3 และ BYD Dolphin รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากพวกเรา BYD Metromobile พร้อมเชิญให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว
ทุกท่านสามารถนัดเข้าชมรถ และทดลองขับ ( Test Drive ) ได้ที่
>>> https://bydmetromobile.com/form-test-drive/
Credit : https://www.facebook.com/bydcompany
BYD BYD ATTO3 BYD AUTO Carbon foot print ev car บีวายดี รถไฟฟ้า รถไฟฟ้า ev